นิทานชาวสวน
สังขารไม่เที่ยง
เมื่อ ๑๑ ก.ค.๕๕ ไปหาหมอ รพ.พระมงกุฎเกล้า ตามนัด สามเดือนครั้ง ตอนออกจากบ้านเช้ามืด ฝนตกพรำ ๆ ไม่ถึงกับเปียก สวมหมวกแก็ปแล้วก็เดินได้สบาย รอแท็กซี่ว่างก็ยังไม่มา รถเมล์ที่เคยขึ้นก็ยังไม่มา มีแต่รถที่ไปไม่ถึง รพ.พระมงกุฎเกล้า เลี้ยวเสียตั้งแต่ รพ.รามาธิบดี บ้าง ไม่ยอมจอดป้าย บ้าง รอนานพอสมควรจึงมี ปอ.๕๑๕ มาให้ขึ้นไปยืน ปรากฏว่ามีคนยืนเต็มราวตรงกลาง จึงไม่มีใครลุกให้นั่ง
เมื่อวันที่ ๔ ก.ค.๕๕ ไปเจาะเลือดก่อนที่หมอจะตรวจวันนี้ ได้ออกจากบ้านแต่เช้า ขึ้นรถแท็กซี่ เดี๋ยวเดียวก็ถึง ขากลับเรียกรถแท็กซี่ จากหน้าตึกคิดว่าจะได้ไม่ต้องเดินข้ามถนน ผลปรากฏว่ารถแท็กซี่ต้องเลี้ยวซ้ายไปอ้อมรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เสียทั้งเวลา และเสียค่ารถเพิ่มด้วย
วันนี้ออกจากบ้านสายกว่าวันก่อน รถแน่นเต็มถนนไม่มีทางแซงได้ จะขึ้นแท็กซี่หรือรถเมล์ก็ใช้เวลาเท่ากัน จึงประหยัดไปได้หลายบาท แต่ถึงคลินิกผู้สูงอายุ เป็นเวลา เกือบเจ็ดโมงเช้า หยิบบัตรคิวได้เบอร์ ๓๕ ซึ่งทุกทีมาถึงเวลาหกโมงเช้า จะได้เบอร์ ๒๖ บ่อยครั้ง
วันนี้ต้องรอหมอตั้งแต่ ๐๘.๐๐ – ๑๑.๔๐ น. จึงได้เข้าไปพบหมอ ท่านก็บอกสิ่งที่เราอยากรู้ ก็คือ ยังไม่เป็นมะเร็งลำไส้ แต่มีโรคไตไม่มาก เราจึงต้องงดกินเค็มมาสามเดือนแล้ว คราวนี้ท่านบอกให้ลดเนื้อสัตว์ด้วย ตกลงจะต้องกินข้าวต้มใส่เกลือเหมือนคนโบราณที่เป็นไข้เสียก็ไม่รู้
เมื่อวันก่อนสแกนภาพหนังสืออายุ ๒๐ ปีชื่อ ชีวิตที่มีกำไร ให้เพื่อนอ่านแล้วก็มีคนเห็นด้วยว่าเป็นชีวิตที่มีกำไรจริง ๆ ซึ่งชีวิตของเรานั้นก็ต้องมีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนเดินดินกินข้าวแกง แต่เราเลือกที่จะเอาเรื่องดี ๆ น่าจดจำมาเล่าเท่านั้น ถ้าลองหวนกลับไปดูชีวิตช่วงเวลาเดียวกันที่ผ่านมา ที่ผิดหวังขัดข้องก็คงจะมีไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่เราไม่ได้จดจำมาเล่าเท่านั้น
เมื่อหมดยุคที่ทำงานราชการแล้ว กำไรก็ยังไม่หมด เพราะเป็นช่วงที่ยังเขียนหนังสือขายได้ ก็มีกำไรพอสมควร แต่ข้อขัดข้องก็มีไม่น้อย ได้เคยยกมาเล่าแล้ว ในเรื่องการเขียนหนังสือ กว่าจะได้พิมพ์ถึงเก้าเล่ม ก็ใช้เวลา ๑๗ ปี จาก พ.ศ.๒๕๓๔ – ๒๕๕๑ แต่เราเล่าอย่างที่ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต หรือลำบากลำบนอะไร ผู้อ่านจึงไม่รู้สึกว่า นั่นคือชีวิตที่ขัดข้องแต่หลังจาก พ.ศ.๒๕๕๑ แล้ว ก็ไม่มีกำไรอีกเลย มีแต่ข้อขัดข้องในเรื่องสังขาร ต้องเสียเงินไปในการรักษาพยาบาล หลายครั้งหลายหน
เราอยู่มาได้ถึงป่านนี้ ก็เพราะยาของหมอคลินิกผู้สูงอายุ ของ รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย กรมบัญชีกลางจ่ายแทนให้หมด แต่ถ้ามีโรคสำคัญปัจจุบันทันด่วน ก็มักจะไปโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งลูกชายเขาตั้งงบฉุกเฉินไว้ให้ กันข้อแก้ตัวว่าไม่มีเงิน
เรื่องขัดข้องที่ไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บ ก็นำมาเล่าหลายหนแล้วคือ ตามีขนตาแยงทำให้ระคายเคืองอยู่ ตลอดเวลา ทนได้พอสมควร ทนไม่ได้ก็ให้ช่างตัดผมช่วยถอนให้ เคยไป รพ.ตา หู คอ จมูก เสียเงิน ๖๐๐ บาท เมื่อต้นเดือนไปหาหมอตาที่ รพ.มิชชั่น จ่ายไป ๗๕๐ บาท จึงต้องไปปีละหนสองหนเท่านั้น
หูก็ตึง การได้ยินค่อย ๆ เสื่อมลง จนเดี๋ยวนี้ข้างขวาแทบจะเงียบสนิทแล้ว หูซ้ายพอจะได้ยินสักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ฟังโทรศัพท์ที่เขาพูดเร็ว ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง อาศัยคุยกับเพื่อนทางอินเตอร์เนตได้บ้าง เวลาที่ตาไม่แสบมากนัก
จมูกยังไม่เป็นไร พอจะแยกกลิ่นหอมเหม็นได้บ้าง แต่ก็คงไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อก่อนแน่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพิสูจน์กลิ่นอะไรอีกแล้ว
ลิ้นก็พอรู้รสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ด จึงงดกินเผ็ดมานานแล้ว ข้อเสียคือมักจะยื่นไปให้ฟันเคี้ยวเล่นอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ได้ระวังอยู่ทุกคราวแล้ว
ฟันนี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เหลืออยู่ประมาณ ๑๒ ซี่ ห่าง ๆ กันเคี้ยวอะไรก็ไม่ขาด กล้อมแกล้มบุบ ๆ แล้วก็กลืน จึงต้องกินของที่ ไม่แข็ง ไม่เหนียว ไม่กรอบ เช่น ขนมปังปั่นกับนมเย็น เป็นมื้อเช้า โจ๊กซองจากเซเว่นใส่ไข่ไก่ของที่บ้าน เป็นมื้อกลางวัน และข้าวต้มปลา หรือเกี๊ยวน้ำ หรือก๋วยจั๊บ เป็นมื้อเย็น แล้วก็เปลี่ยนเมนูไปทุกวัน เว้นแต่มื้อเช้า ดูดมาสามปีแล้วยังไม่เบื่อ หวานเย็นชื่นใจดีแท้ ๆ
เรื่องของความขัดข้องนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น แต่ถ้าเล่าแล้วทำให้ผู้อ่านพลอยหดหู่ไปด้วย ก็ไม่น่าจะนำมาเล่าเลย
สุดท้ายก็ได้รับทราบจากหมอโรงพยาบาลตาว่า ในดวงตาของเรานั้น มีต้อกระจกปกคลุมทำให้ตามัว สมควรจะลอกได้แล้ว
แต่ค่าใช้จ่ายในการลอกต้อ แพงเหลือเกิน ก็คงจะต้องกลับไปหารือกับหมอทหารเจ้าเก่าดูอีกทีหนึ่ง
เพราะตาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะอ่านหรือเขียนเรื่องใน พันทิป ถ้าอ่านไปเห็นเขียนไม่ได้ จะอยู่ไปทำไม
รู้อยู่ว่า สังขารไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ของเรา แต่ก็อยากให้ใช้การได้นาน ๆ
เพราะมีแต่เพื่อนในพันทิปเท่านั้น ที่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรก็อ่านหมด.
##############
วางเมื่อ ๒๕ ม.ย.๕๖ เวลา ๐๖.๓๑
นิทานชาวสวน ๒๕ มิ.ย.๕๖
สังขารไม่เที่ยง
เมื่อ ๑๑ ก.ค.๕๕ ไปหาหมอ รพ.พระมงกุฎเกล้า ตามนัด สามเดือนครั้ง ตอนออกจากบ้านเช้ามืด ฝนตกพรำ ๆ ไม่ถึงกับเปียก สวมหมวกแก็ปแล้วก็เดินได้สบาย รอแท็กซี่ว่างก็ยังไม่มา รถเมล์ที่เคยขึ้นก็ยังไม่มา มีแต่รถที่ไปไม่ถึง รพ.พระมงกุฎเกล้า เลี้ยวเสียตั้งแต่ รพ.รามาธิบดี บ้าง ไม่ยอมจอดป้าย บ้าง รอนานพอสมควรจึงมี ปอ.๕๑๕ มาให้ขึ้นไปยืน ปรากฏว่ามีคนยืนเต็มราวตรงกลาง จึงไม่มีใครลุกให้นั่ง
เมื่อวันที่ ๔ ก.ค.๕๕ ไปเจาะเลือดก่อนที่หมอจะตรวจวันนี้ ได้ออกจากบ้านแต่เช้า ขึ้นรถแท็กซี่ เดี๋ยวเดียวก็ถึง ขากลับเรียกรถแท็กซี่ จากหน้าตึกคิดว่าจะได้ไม่ต้องเดินข้ามถนน ผลปรากฏว่ารถแท็กซี่ต้องเลี้ยวซ้ายไปอ้อมรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เสียทั้งเวลา และเสียค่ารถเพิ่มด้วย
วันนี้ออกจากบ้านสายกว่าวันก่อน รถแน่นเต็มถนนไม่มีทางแซงได้ จะขึ้นแท็กซี่หรือรถเมล์ก็ใช้เวลาเท่ากัน จึงประหยัดไปได้หลายบาท แต่ถึงคลินิกผู้สูงอายุ เป็นเวลา เกือบเจ็ดโมงเช้า หยิบบัตรคิวได้เบอร์ ๓๕ ซึ่งทุกทีมาถึงเวลาหกโมงเช้า จะได้เบอร์ ๒๖ บ่อยครั้ง
วันนี้ต้องรอหมอตั้งแต่ ๐๘.๐๐ – ๑๑.๔๐ น. จึงได้เข้าไปพบหมอ ท่านก็บอกสิ่งที่เราอยากรู้ ก็คือ ยังไม่เป็นมะเร็งลำไส้ แต่มีโรคไตไม่มาก เราจึงต้องงดกินเค็มมาสามเดือนแล้ว คราวนี้ท่านบอกให้ลดเนื้อสัตว์ด้วย ตกลงจะต้องกินข้าวต้มใส่เกลือเหมือนคนโบราณที่เป็นไข้เสียก็ไม่รู้
เมื่อวันก่อนสแกนภาพหนังสืออายุ ๒๐ ปีชื่อ ชีวิตที่มีกำไร ให้เพื่อนอ่านแล้วก็มีคนเห็นด้วยว่าเป็นชีวิตที่มีกำไรจริง ๆ ซึ่งชีวิตของเรานั้นก็ต้องมีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนเดินดินกินข้าวแกง แต่เราเลือกที่จะเอาเรื่องดี ๆ น่าจดจำมาเล่าเท่านั้น ถ้าลองหวนกลับไปดูชีวิตช่วงเวลาเดียวกันที่ผ่านมา ที่ผิดหวังขัดข้องก็คงจะมีไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่เราไม่ได้จดจำมาเล่าเท่านั้น
เมื่อหมดยุคที่ทำงานราชการแล้ว กำไรก็ยังไม่หมด เพราะเป็นช่วงที่ยังเขียนหนังสือขายได้ ก็มีกำไรพอสมควร แต่ข้อขัดข้องก็มีไม่น้อย ได้เคยยกมาเล่าแล้ว ในเรื่องการเขียนหนังสือ กว่าจะได้พิมพ์ถึงเก้าเล่ม ก็ใช้เวลา ๑๗ ปี จาก พ.ศ.๒๕๓๔ – ๒๕๕๑ แต่เราเล่าอย่างที่ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต หรือลำบากลำบนอะไร ผู้อ่านจึงไม่รู้สึกว่า นั่นคือชีวิตที่ขัดข้องแต่หลังจาก พ.ศ.๒๕๕๑ แล้ว ก็ไม่มีกำไรอีกเลย มีแต่ข้อขัดข้องในเรื่องสังขาร ต้องเสียเงินไปในการรักษาพยาบาล หลายครั้งหลายหน
เราอยู่มาได้ถึงป่านนี้ ก็เพราะยาของหมอคลินิกผู้สูงอายุ ของ รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย กรมบัญชีกลางจ่ายแทนให้หมด แต่ถ้ามีโรคสำคัญปัจจุบันทันด่วน ก็มักจะไปโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งลูกชายเขาตั้งงบฉุกเฉินไว้ให้ กันข้อแก้ตัวว่าไม่มีเงิน
เรื่องขัดข้องที่ไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บ ก็นำมาเล่าหลายหนแล้วคือ ตามีขนตาแยงทำให้ระคายเคืองอยู่ ตลอดเวลา ทนได้พอสมควร ทนไม่ได้ก็ให้ช่างตัดผมช่วยถอนให้ เคยไป รพ.ตา หู คอ จมูก เสียเงิน ๖๐๐ บาท เมื่อต้นเดือนไปหาหมอตาที่ รพ.มิชชั่น จ่ายไป ๗๕๐ บาท จึงต้องไปปีละหนสองหนเท่านั้น
หูก็ตึง การได้ยินค่อย ๆ เสื่อมลง จนเดี๋ยวนี้ข้างขวาแทบจะเงียบสนิทแล้ว หูซ้ายพอจะได้ยินสักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ฟังโทรศัพท์ที่เขาพูดเร็ว ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง อาศัยคุยกับเพื่อนทางอินเตอร์เนตได้บ้าง เวลาที่ตาไม่แสบมากนัก
จมูกยังไม่เป็นไร พอจะแยกกลิ่นหอมเหม็นได้บ้าง แต่ก็คงไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อก่อนแน่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพิสูจน์กลิ่นอะไรอีกแล้ว
ลิ้นก็พอรู้รสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ด จึงงดกินเผ็ดมานานแล้ว ข้อเสียคือมักจะยื่นไปให้ฟันเคี้ยวเล่นอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ได้ระวังอยู่ทุกคราวแล้ว
ฟันนี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เหลืออยู่ประมาณ ๑๒ ซี่ ห่าง ๆ กันเคี้ยวอะไรก็ไม่ขาด กล้อมแกล้มบุบ ๆ แล้วก็กลืน จึงต้องกินของที่ ไม่แข็ง ไม่เหนียว ไม่กรอบ เช่น ขนมปังปั่นกับนมเย็น เป็นมื้อเช้า โจ๊กซองจากเซเว่นใส่ไข่ไก่ของที่บ้าน เป็นมื้อกลางวัน และข้าวต้มปลา หรือเกี๊ยวน้ำ หรือก๋วยจั๊บ เป็นมื้อเย็น แล้วก็เปลี่ยนเมนูไปทุกวัน เว้นแต่มื้อเช้า ดูดมาสามปีแล้วยังไม่เบื่อ หวานเย็นชื่นใจดีแท้ ๆ
เรื่องของความขัดข้องนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น แต่ถ้าเล่าแล้วทำให้ผู้อ่านพลอยหดหู่ไปด้วย ก็ไม่น่าจะนำมาเล่าเลย
สุดท้ายก็ได้รับทราบจากหมอโรงพยาบาลตาว่า ในดวงตาของเรานั้น มีต้อกระจกปกคลุมทำให้ตามัว สมควรจะลอกได้แล้ว
แต่ค่าใช้จ่ายในการลอกต้อ แพงเหลือเกิน ก็คงจะต้องกลับไปหารือกับหมอทหารเจ้าเก่าดูอีกทีหนึ่ง
เพราะตาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะอ่านหรือเขียนเรื่องใน พันทิป ถ้าอ่านไปเห็นเขียนไม่ได้ จะอยู่ไปทำไม
รู้อยู่ว่า สังขารไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ของเรา แต่ก็อยากให้ใช้การได้นาน ๆ
เพราะมีแต่เพื่อนในพันทิปเท่านั้น ที่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรก็อ่านหมด.
##############
วางเมื่อ ๒๕ ม.ย.๕๖ เวลา ๐๖.๓๑